สวัสดีค่ะ บทความนี้เราจะมาเอาใจคนรักชาหรือคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับชาชนิดต่าง ๆ กันนะคะ ว่าชามีกี่ประเภท? ประเภทของชามีอะไรบ้าง? ชาแดงคืออะไร? ชาซีลอนคืออะไร? และอีกสารพัดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับชา

ซึ่งทาง KC Interfoods (เคซี อินเตอร์ฟูดส์) ก็ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะพาทุก ๆ คนมาเจาะลึกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องชา ๆ เหล่านี้กัน! ซึ่งหัวข้อหลักของเราในวันนี้ก็คือ “ชามีกี่ประเภท?” นั่นเอง

เนื่องจากว่าในปัจจุบันนี้ (ปี 2023) มีชาวางจำหน่ายและให้เราได้เลือกลิ้มลองกันอยู่หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว ชามัทฉะ ชาขาว ชาดำ ชาแดง ชาอัสสัม ชาซีลอน และชาอื่น ๆ อีกมากมาย

จากที่กล่าวไปข้างต้น เราจึงมองว่าคนที่ไม่ได้มีการคลุกคลีกับวงการชา คงจะสับสนว่า…ชามีกี่ประเภท และกี่ชนิดกันแน่? และชาแต่ละแบบนั้นมันมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? ทำไมชาบางตัวเหมือนกันเลยแต่เรียกไม่เหมือนกันล่ะ? บทความนี้จะมาอธิบายให้เข้าใจกันค่ะ

ขอบคุณภาพชาหลากชนิดจาก Scoopempire

ชามีกี่ประเภทและแบ่งยังไงได้บ้าง!?

ชามากี่ประเภทกันนะ? แท้จริงแล้วชานั้นแบ่งออกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้หลักการอะไรในการแบ่งประเภทของชา ชาแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของสี รสชาติ กรรมวิธีการผลิต แหล่งปลูก และอื่น ๆ ซึ่งชาบางชนิดอาจจะใช้ใบชาจากต้นเดียวกัน แต่มีการผลิตหรือมีแหล่งเพาะปลูกที่แตกต่างกัน เท่านี้ก็ทำให้ชาชนิดเดียวกันมีมากกว่า 1 ชื่อได้เช่นกัน

ซึ่งประเภทของชานั้น สามารถแบ่งออกได้ 3 หลักการ ดังนี้

  1. การแบ่งตามกรรมวิธีในการผลิต
  2. การแบ่งตามแหล่งการเพาะปลูก
  3. การแบ่งตามลักษณะของชา

การแบ่งชาตามกรรมวิธีในการผลิต

ประเภทของชาที่แบ่งตามกรรมวิธีการผลิตจะมีความแตกต่างตรงที่ขั้นตอนการบ่มชา เพราะขั้นตอนนี้จะเป็นตัวกำหนดลักษณะของชาที่ผลิต เช่น มีสีแบบไหน มีกลิ่น และรสชาติยังไง

นอกจากนี้ ในขั้นตอนการบ่มชามักจะมีการนวดคลึงหรือทำให้ใบชาช้ำร่วมด้วย เพื่อให้เอนไซม์ในใบชานั้น เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) กับอากาศ ยิ่งบ่มนานมากแค่ไหนสีของใบชาก็จะยิ่งเข้มมากขึ้น คลอโรฟิลล์ที่อยู่ในใบชาก็จะแตกตัวออกมาเป็นสารแทนนินที่ส่งผลให้ชามีรสชาติที่เข้มขึ้น (ขม/ฝาด) หากต้องการหยุดปฏิกิริยาออกซิเดชันนี้ เราสามารถหยุดได้โดยใช้ความร้อนจากการคั่วอบค่ะ

ขอบคุณภาพขั้นตอนการผลิตชาจาก Teaindustry

     1. ชาที่ไม่ผ่านการบ่มเลย

ชาที่ไม่ผ่านการบ่มเลย สังเกตได้ง่าย ๆ คือจะมีรสชาติที่ทานง่าย เมื่อชงแล้วจะได้น้ำชาสีใสมาดื่ม ซึ่งชนิดของชาที่ไม่ได้ผ่านการบ่มเลยก็คือ ชาขาว ชาเขียวเซนฉะ และชาเขียวมัทฉะค่ะ

ชาขาว (White Tea)

ชาขาวจะใช้ยอดอ่อนที่เพิ่งแตกยอดออกมาไปตากแห้งด้วยการตากแบบธรรมชาติหรือใช้เครื่องอบทำให้ใบชาแห้ง เพียงเท่านี้ก็ได้ใบชาขาว ซึ่งชาขาวเป็นชาที่มีสีอ่อนมาก (เหลืองจาง ๆ) มีรสชาติของชาแบบอ่อน ๆ หวานเล็กน้อย ทานง่ายกว่าชาประเภทอื่น ๆ (ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดขายของชาขาวเลยก็ว่าได้ค่ะ) และชาขาวนับว่าเป็นชาที่มีราคาสูง เพราะต้องใช้ใบชาในปริมาณมากกว่าชาประเภทอื่น ๆ จึงจะได้น้ำชาในปริมาณเท่ากัน


ขอบคุณภาพชาขาวจาก
Bettys

ชาเขียว (Sencha / Green Tea)

ชาเขียวกรีนทีหรือชาเขียวเซนฉะจะได้มาจากการนำยอดใบชาที่ปลูกกลางแจ้งไปตากแห้ง > นำไปอบไอน้ำหรือคั่วในกระทะร้อน > นวดใบชา และอบให้แห้งด้วยความร้อน จากนั้นเราก็จะได้ใบชาที่มีสีเขียวอยู่ จึงเป็นที่มาของชื่อชาเขียวนี่เอง ซึ่งจะมีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายกลิ่นหญ้า ทานแล้วไม่ขม รสชาติออกไปทางหวาน มีสีเขียวอ่อนใส ๆ และจะไม่มีการตกตะกอนค่ะ

ชามะลิ (Jasmine Tea) ถ้าเรานำชาเขียวไปอบรมกลิ่นดอกมะลิ เราก็จะได้ชามะลิออกมาหอม ๆ ออกมาค่ะ โดยจะมีลักษณะเป็นใบชาแห้งผสมกับดอกมะลิแห้ง ส่วนผงชาเขียวมะลิคือการนำใบชาแห้งและดอกมะลิแห้งไปบด เพื่อให้ได้ออกมาเป็นผงละเอียด ๆ ค่ะ

ชาเก็นไมฉะ (Genmaicha) คือการผสมกันระหว่างชาเขียวเซนฉะและข้าวคั่ว ในอัตราส่วนที่เท่ากันครึ่งต่อครึ่ง ทำให้ชาเก็นไมฉะมีสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมของข้าวคั่ว หรือบางคนอาจจะได้กลิ่นเหมือนป็อปคอร์น จึงทำให้ชาเก็นไมฉะมีชื่อเรียกว่า “ชาข้าวคั่ว” หรือ “ชาป็อปคอร์น” ค่ะ

 

ขอบคุณภาพชาเก็นไมฉะจาก Monin

ชามัทฉะ (Matcha)

ชามัทฉะหรือชาเขียวมัทฉะ คือชาเขียวชนิดหนึ่งแต่มีรายละเอียดต่าง ๆ ที่ซับซ้อนและผลิตออกมายากกว่าชาเขียวเซนฉะค่ะ ได้มาจากยอดของต้นชาที่ปลูกในร่ม และมีการคลุมไม่ให้ใบชาโดนแสงแดดโดยตรง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตคลอโรฟิลล์ ทำให้ใบชามีสีเขียวเข้มและสด

จากนั้นจะเก็บยอดใบชาไปอบไอน้ำ > เป่าให้ใบชาแห้ง และนำใบชาไปบดเป็นผงละเอียด โดยไม่มีการแยกกาก  ซึ่งชามัทฉะจะอยู่ในรูปแบบชาผงบดละเอียด สีเขียวเข้มสวยชัด รสชาติเข้มข้น มีกลิ่นชาชัด มีความหนาแน่นมากกว่าชาเขียวเซนฉะ เมื่อนำไปชงเครื่องดื่มและวางทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้มีการตกตะกอนได้ค่ะ

     2. ชาที่ผ่านการบ่มกึ่งหนึ่ง

ชาอู่หลง (Oolong Tea) จัดเป็นชากึ่งบ่ม ได้มาจากการนำยอดชาสดไปผึ่งแดดให้ใบชาคายน้ำ > นำไปผึ่งต่อในที่ร่ม ที่มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเหมาะสม > เขย่าหรือนวดใบชาให้ช้ำ เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน > นำใบชาไปผ่านความร้อน เพื่อยุติการบ่มชา > นำใบชาไปนวดขึ้นรูปเป็นเม็ด ๆ และนำไปอบแห้งลดความชื้นเป็นขั้นตอนสุดท้าย

หลังเสร็จสิ้นทุกกระบวนการจะได้น้ำชาอู่หลงที่มีสีเหลืองอมน้ำตาล กลิ่นหอมคล้ายกลิ่นของสมุนไพร ดอกไม้ ธัญพืช และผลไม้รวม ๆ กัน รสชาติเข้มข้นมีรสฝาดและขมเล็กน้อย หรืออยู่ตรงกลางระหว่างชาเขียวและชาดำค่ะ

ขอบคุณภาพชาอู่หลงจาก Style Craze

     3. ชาที่ผ่านการบ่มอย่างสมบูรณ์

ประเภทของชาที่ผ่านการบ่มอย่างสมบูรณ์ก็คือชาดำและชาแดง โดยชาดำนั้นจะ เริ่มจากการนำใบชาไปผึ่งลดความชื้น > นวดใบชาให้ช้ำ > นำไปบ่มให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน > ใบชาเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลเข้ม > รสชาติและกลิ่นของใบชาเปลี่ยนเป็นสีดำขึ้น > นำใบชาไปผ่านความร้อนต่ำ พอใบชาแห้ง จากนั้นเราก็จะได้ชาดำมาแล้ว ส่วนชาแดงก็จะใช้ระยะเวลาในการบ่มน้อยกว่าเลยทำให้สีอ่อนกว่าค่ะ

ชาดำ (Black Tea)

ชาดำจะเป็นชาที่มีสีที่เข้มที่สุดคือสีน้ำตาลเข้มจนถึงเกือบดำ มีรสชาติที่เข้มลึกกว่าชาชนิดอื่น ๆ และมีปริมาณของคาเฟอีนสูง ผลิตมาจากการใช้ใบชาของต้น Camellia sinensis เหมือนชาขาว ชาเขียว ชามัทฉะ และชาแดง แต่มีระยะเวลาในการบ่มมากที่สุด จึงทำให้ชาดำมีกลิ่นและรสชาติแตกต่างจากชาชนิดอื่นค่ะ

ชาเอิร์ลเกรย์ (Earl Grey Tea)

ชาเอิร์ลเกรย์ตือหนุ่งในชาผสมหรือชาแต่งกลิ่น เป็นการนำชาดำมาผสมกับน้ำมันมะกรูด เพื่อให้ชามีกลิ่นออกไปทางผลไม้ตระกูลส้ม (Citrus Fruit) ซึ่งในปัจจุบันก็มีการปรับสูตรตามความต้องการของผู้ผลิต เช่น การผสมตะไคร้ ส้ม มะนาว หรืออื่น ๆ เข้าไปแทน

ชาแดง (Red Tea)

ชาแดงก็คือชาดำนะคะ แต่มีระยะเวลาในการบ่มที่น้อยกว่า จึงทำให้สีของชาแดงอ่อนกว่าและออกสีแดงมากกว่าค่ะ ถ้าเป็นทางคนจีนจะเรียกว่าชาแดง แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติฝั่งตะวันตกมักจะเรียกว่าชาดำ  รสชาติของชาแดงจะออกไปทางผลไม้ หอมอร่อย ทั้งนี้ ถ้ามีการผลิตชาแดงโดยใช้ใบชาจากศรีลังกาก็จะเรียกว่า “ชาแดงซีลอน” หรือจะใช้ใบจากอัสสัมก็สามารถเรียกว่า “ชาแดงอัสสัม” เช่นเดียวกันกับชาดำค่ะ

การแบ่งตามแหล่งการเพาะปลูก

อย่างที่เราเห็นว่ามีชาหลายตัวที่เป็นชาดำเหมือนกัน เป็นพันธุ์ชาชนิดเดียวกัน แต่มีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะว่ามีต้นกำเนิดและมีแหล่งเพราะปลูกมาจากคนละประเทศค่ะ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีชื่อเรียกชาตามเทคนิคการปลูก เก็บใบชา กรรมวิธีการบ่มชา และการปรุงแต่งชาที่ไม่เหมือนกันค่ะ

     1. ชาซีลอน (Ceylon Tea)

ชาซีลอนหรือชาศรีลังกาจัดอยู่ในกลุ่มของชาดำ (เป็นชาดำที่ได้จากใบชาที่มีการเพาะปลูกในประเทศศรีลังกา) ซึ่งที่เรียกกันว่าชาซีลอนนั้นเป็นเพราะในสมัยก่อน ชาวอังกฤษเรียกศรีลังกาว่าซีลอน ซึ่งชาซีลอนจะมีรสชาติเข้มข้นนุ่มลึก ในปัจจุบันมักจะนิยมนำไปผสมกลิ่นต่าง ๆ เช่น ผลไม้ ดอกไม้ ขิง เครื่องเทศ หรือน้ำมันหอมระเหย เพื่อเพิ่มกลิ่น รสชาติ และจุดขายให้กับชาซีลอนค่ะ

ชาซีลอนกับชาไทยต่างกันยังไง?

ในสมัยก่อนชาสีส้มก็คือชาซีลอนนี่แหละค่ะ แต่เนื่องจากชาซีลอนมีสีสันที่คล้ายคลึงกับสีของกาแฟมากเกินไป จึงมีการนำสีผสมอาหารหรือเครื่องเทศต่าง ๆ ผสมลงไป เพื่อสร้างสีสันและสร้างความโดนเด่น จึงกลายมาเป็นชาสีส้มนั่นเอง แต่ในปัจจุบันนี้ ชาไทยจะใช้ชาแดงเป็นเบสในการชงผสมกับนมแทนค่ะ

     2. ชาอัสสัม (Assam Tea)

ชาอัสสัมก็คือหนึ่งในชาดำเช่นกัน แต่จะผลิตจากใบชาที่ปลูกในรัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย เราจึงเรียกว่าชาอัสสัมนั่นเอง ด้วยภูมิประเทศ น้ำ ดิน และอากาศ ส่งผลให้ชาอัสสัมมีกลิ่นหอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันนิยมนำไปผสมกับนมเพื่อให้เกิดเป็น “ชานม” ขึ้นมา ซึ่งชาอัสสัมนี่แหละค่ะ คือชานมไข่มุกที่เราทานอยู่เป็นประจำ

ขอบคุณภาพชาอัสสัมจาก Timeofindia

ประโยชน์ของชาชนิดต่าง ๆ

“ชา” เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์สูง อุดมไปด้วยสารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย บางคนอาจจะดื่มเพราะต้องการบำรุงร่างกาย บางคนอาจจะชื่นชอบกลิ่นหอม ๆ ของชา บางคนอาจจะดื่มเพราะเป็นวัฒนธรรม หรือบางคนอาจจะชื่นชอบรสชาติอร่อย ๆ ของชา อย่างที่ใครหลาย ๆ คนชอบทานชาไข่มุกนั่นเองค่ะ ซึ่งประโยชน์ของชาชนิดต่าง ๆ ในภาพรวมมีดังต่อไปนี้

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยต่อต้านและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง
  • ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต บำรุงหัวใจ
  • ทานแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น ผ่อนคลาย
  • ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม
  • ช่วยดักจับไขมัน ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
  • ช่วยลดและควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
  • ช่วยลดอาการปวดศีรษะ บำรุงประสาทและสมอง
  • ช่วยให้ปากชุ่มชื้น ลดการกระหายน้ำ แก้ร้อนใน
  • ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำต่าง ๆ

แนะนำชาคุณภาพดีจาก KC Interfoods

หากคุณกำลังมองหาชาคุณภาพในราคาย่อมเยา ที่ผ่านกระบวนการคัดสรรใบชามาเป็นอย่างดี ใช้ใบจากแท้จากแหล่งเพาะปลูกรายใหญ่โดยตรง ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีกลิ่นหอม และมีรสชาติที่ดึงเอาเอกลักษณ์ของชาแต่ละชนิดออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังคงสารอาหารต่าง ๆ ในใบชาไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยไม่ผ่านการเจือสีหรือแต่งกลิ่นใด ๆ ขอแนะนำผงชาแท้ 100% จาก KC Interfoods ค่ะ

 

เรามีผงชาแท้จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ไม่ว่าจะเป็นผงชาเขียวมัทฉะ ผงชาดำอัสสัม ผงชาไต้หวัน ผงชาโฮจิฉะ ผงชามะลิ และรวมไปถึงผงเครื่องดื่มอื่น ๆ อย่าง ผงโกโก้ด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนำไปต่อยอดในธุรกิจคาเฟ่ ร้านขายเครื่องดื่ม คนที่กำลังเปิดร้านกาแฟ หรือร้านอาหาร รับรองว่าคุ้มค่าและอยู่ในงบต้นทุนที่กำหนดไว้แน่นอนค่ะ (เรามีโรงงานผลิตชาผงสำเร็จรูป รับผลิตผงเครื่องดื่ม รับผลิต OEM / ODM สำหรับผู้ที่อยากทำแบรนด์ และมีผู้เชี่ยวชาญในการช่วยคิดค้นสูตรโดยตรง) หากต้องการดูรายละเอียดของสินค้า สามารถกดที่ชื่อสินค้าได้เลยค่ะ

 

ผงมัทฉะ 100% ผงชาเขียวมัทฉะสูตรพรีเมียม ใช้ยอดใบชาแท้ ๆ จากญี่ปุ่น สีเขียวเข้มสวย กลิ่นหอมชัด บดละเอียด ไม่เจือสี ไม่แต่งกลิ่น อร่อยเข้มข้น ผงมัทฉะของเราเอาไปทำเบเกอรี่แล้วเด็ดมาก (สั่งซื้อได้ที่นี่ >> Shopee / Lazada)

 

ผงชาอัสสัมกลิ่นเอิร์ลเกรย์ ผงชาดำอัสสัมรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมเอิร์ลเกรย์ละมุนสุด ๆ ได้กลิ่นชาที่ชัดกว่ากลิ่นนม สูตรชานมไข่มุก อร่อยเด็ด พร้อมชงได้ทันที ไม่ยุ่งยาก (สั่งซื้อได้ที่นี่ >> Shopee / Lazada)

 

ผงชาโฮจิฉะ 100% หรือผงชาคั่ว นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง เราใช้ใบชาเขียวแก่ นำไปคั่วให้ได้รสชาติหวานกำลังดี ไม่ขมไม่ฝาด กลิ่นหอมรมควันโดดเด่น มีคาเฟอีนน้อย ดื่มได้ทุกวัย (สั่งซื้อได้ที่นี่ >> Shopee / Lazada)

 

ผงชาเขียวมะลิ สูตรพร้อมชง หวานน้อย เราใช้ใบชาเขียวแท้คัดพิเศษจากญี่ปุ่น มาผสมกับดอกมะลิจันทบูรณ์ (ดอกตูม) ทำให้ผงชามะลิของเรามีกลิ่นที่หอมชัด และรสชาติที่ลงตัวที่สุด (สั่งซื้อได้ที่นี่ >> Shopee / Lazada)

สรุป

สรุปว่า… ชามีกี่ประเภท? ประเภทของชามีอะไรบ้าง? ชาแต่ละชนิดต่างกันยังไง? คำตอบก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจัดหมวดประเภทของชาด้วยอะไรนะคะ ซึ่งในบทความ “ชามีกี่ประเภท” นี้ ทางเคซีอินเตอร์ฟูดส์ (KC Interfoods) ก็ได้อธิบายหลักการในการแบ่งแยกชาแต่ละชนิดไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่อยากทำความรู้จักกับชาทุกคนนะคะ ต่อไปถ้าใครถามก็ตอบได้เลยใช่มั้ยคะว่าประเภทของชานั้นมีอะไรบ้าง? ชามีกี่แบบ? แยกยังไง? แต่ถ้าลืมก็ไม่เป็นไรค่ะ สามารถกลับมาเปิดอ่านบทความนี้ได้ทุกเมื่อเลยนะคะ ^^

 

สอบถามข้อมูลหรือสั่งซื้อสินค้า

ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น. 

(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

โทรศัพท์ : 02-080-5678

LINE ID : @kcinterfoods

Link LINE : https://page.line.me/kcinterfoods

Shopee : https://shopee.co.th/kcinterfoods

Lazada : https://www.lazada.co.th/shop/kc-interfoods

Facebook : https://www.facebook.com/kcinterfoods/

Instagram : https://www.instagram.com/kcinterfoods

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สมัครสมาชิก รับฟรีทันที 20 แต้ม!

สะสมแต้มแลกของรางวัลต่างๆ มีสิทธิพิเศษรออยู่อีกเพียบ

สมัครเลย